Wednesday, July 9, 2014

โรคกระเพาะอาหาร: ตอนที่ 3/4 การวินิจฉัยโรคกระเพาะอาหาร

เราสามารถสังเกตุอาการเบื้องต้นได้ด้วยตนเองจากการดูจากอาการปวดท้อง เนื่องจากอาการปวดท้องนั่นบ่งบอกได้หลายอาการ ไม่ว่าจะเป็น โรคกระเพาะอาหาร ปวดท้องจากอาหารเป็นพิษ



ตำแหน่ง หรือบริเวณที่เริ่มปวด: เช่น บริเวณลิ้นปี่ รอบๆ สะดือ หน้าท้องส่วนบน ใต้ชายโครงขวา หรือซ้าย ท้องน้อยตรงกลาง เหนือหัวเหน่า หรือท้องน้อยขวา หรือซ้าย และเมื่อเวลาผ่านไปอาการปวดเปลี่ยนหรือ ย้ายที่หรือไม่
-          
                       - ปวดท้องมานานเท่าไร / ความถี่ในการปวดท้อง: ภายในไม่กี่ชั่วโมง 2-3 วัน หรือเป็นเรื้อรังมานาน

-                   - ลักษณะของอาการปวดเป็นแบบใด: ปวดเป็นพักๆ เดี๋ยวปวดมากเดี๋ยวเบาลง หรือปวดตลอดเวลา ไม่มีหยุดพักเลย และปวดแบบแสบร้อน ปวดเหมือนถูกแทง ปวดตื้อๆ หรือปวดถ่วงๆ เป็นต้น

-                   - มีอาการอื่นที่เกิดร่วมด้วยหรือไม่: เช่น เบื่ออาหาร คลื่นไส้ อาเจียนท้องผูก ท้องเสีย เป็นไข้ เหงื่อแตก หน้ามืดเป็นลม

-                - สาเหตุที่ทำให้ปวดมากขึ้นคืออะไร: เช่น การอาหาร การถ่ายปัสสาวะหรืออุจจาระ การหายใจแรงๆ ไอหรือจาม การเคลื่อนไหว ท่านั่งหรือท่านอน

-                   - สาเหตุที่ทำให้ปวดน้อยลงคืออะไร: เช่น อาเจียนแล้วดีขึ้น การอยู่นิ่งๆ ไม่เคลื่อนไหวท่านั่งหรือท่านอน การงอตัว อาหาร หรือยาบางชนิดเช่น ยาลดกรดในกระเพาะอาหาร

อย่างไรก็ตาม หากพบว่าปวดจนทนไม่ไหว หรือไม่แน่ใจอาการ หรือปวดท้องที่คงอยู่นานกว่า 4 ชั่วโมง ควรรีบพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยเพิ่มเติม ทั้งนี้เนื่องจากแผลในกระเพาะอาหาร เกิดจากการสะสมมาเป็นเวลานาน บางรายอาจไม่ออกอาการ บางรายอาจมีแค่รอยแผลแดงๆ และบางรายอาจมีอาการแพ้ ซึ่งการวินิจฉัยโรคแผลในกระเพาะอาหารมี 2 วิธีหลักๆคือ

1.       การเอ็กซเรย์กลืนแป้ง (Upper GI Study) ซึ่งแป้งที่ว่านี้คือ สารทึบรังสี (Barium Salfate) ซึ่งหากตรวจกระเพาะหรือลำไส้เล็ก จะต้องดื่มด้วยหลอดดูด เมื่อกลืนจนได้ปริมาณจึงตรวจด้วยการเอ็กซเรย์ แต่หากตรวจลำไส้ใหญ่ จะใช้วิธีสวนสารทึบรังสีเข้าทางทวารหนัก ซึ่งสารนี้ก็จะถูกขับถ่ายออกทางทวารหนักตามปกติ (ไม่ได้ละลายหายไปหรือดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย) แต่เนื่องจากสารนี้อาจทำให้ท้องผูกได้ ผู้ตรวจจึงควรดื่มน้ำมากๆ รับประทานผักผลไม้มากๆ เพื่อให้ขับถ่ายได้ง่ายขึ้น วิธีนี้ทำได้ง่าย ราคาถูก แต่ข้อเสียคือไม่ละเอียดพอและไม่สามารถนำชื้นเนื้อไปตรวจเพิ่มเติมได้
2.       การ ส่องกล้องกระเพาะอาหาร (Gastroscopy) เป็นวิธีการตรวจที่ละเอียดสามารถมองเห็นรายละเอียดของกระเพาะอาหารได้ชัดเจน และยังสามารถนำเนื้อเยื่อไปตรวจเพิ่มเติมได้ ปัจจุบันการส่องกล้องกระเพาะอาหารเป็นวิธีที่นิยมและทำได้อย่างปลอดภัย ในผู้ป่วยบางรายอาจต้องใช้ยานอนหลับร่วมด้วย
3.       การตรวจเชื้อ Helicobactor Pylori ซึ่งมีหลายวิธี เช่น การตรวจเลือดหาภูมิคุ้มกันติดเชื้อ, การนำเนื้อเยื่อมาตรวจหาเชื้อ แต่วิธีที่สะดวก แม่นยำและรวดเร็ว และนิยมใช้ในปัจจุบันคือ การเป่าลมหายใจหรือที่เรียกว่า Urea Breath test C-14

ข้อมูลอ้างอิง: รพ. Samitivej, Siamca.com, Z Beauty and Health, รพ.รามคำแหง
เรียบเรียงข้อมูลโดย www.reddiamondherb.com

No comments:

Post a Comment